Page 7 - Football Prakan ISSUE 3

Basic HTML Version

ปี
ที่
1 ฉบั
บเดื
อนมี
นาคม พ.ศ. 2555
หน้
7
ชุ
มชน บางละมุ
วั
นที่
๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๖ (ร.ศ. ๑๑๒) พระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู่
หั
ว เสด็
พระราชดำเนิ
น โดยเรื
อพระที่
นั่
งมหาจั
กรี
กลั
บจากการแปรพระราชฐาน ณ เกาะสี
ชั
ง ทอดเรื
อเพื่
อทรงสั
การบู
ชา องค์
พระสมุ
ทรเจดี
ย์
แล้
วเสด็
จทางเรื
อกรรเชี
ยง เพื่
อทรงประกอบพิ
ธี
เปิ
ด บริ
การรถไฟสายปากน้
“……..เรามี
ความหวั
งใจว่
า ท่
านทั้
งปวงคง จะมี
ความยิ
นดี
เหมื
อนตั
วเรา ในการที่
ได้
เห็
นรถไฟปากน้
ำ ตั้
งขึ้
ในครั้
งนี้
เราขอให้
ท่
านทั้
งปวง ดื่
มเพื่
อความเจริ
ญ การค้
าขาย และความตั้
งมั่
นของบริ
ษั
ทรถไฟแห่
นี้
………….”
เมื่
อทรงเจิ
มที่
หั
วจั
กรรถไฟ แล้
วเสด็
จขึ้
นประทั
บบนขบวนรถไฟพระที่
นั่
ง พร้
อมด้
วยพระบรมวงศานุ
วงศ์
“……พอเวลา ๕ โมงเช้
า นายกล เปิ
ดหวู
ดใช้
รถจั
กร แล่
นรถไฟจู
งรถพระที่
นั่
ง ขึ้
นมาตามทางรางเหล็
จากสะเตชั่
นปากน้
ำ ถึ
งสะเตชั่
นที่
พั
กหั
วลำโพง เวลาเช้
า ๕ โมง ๔๕ นิ
มิ
ต…”
นายกล ผู้
ควบคุ
มขบวนรถไฟครั้
งนั้
น คื
อ นายกอร์
ชเช ที
เอ
ทางรถไฟสายนี้
มี
ความยาว ๒๑ กิ
โลเมตร ค่
าโดยสารรถไฟไปกลั
บ ๑ บาท ตลอดระยะทางมี
๑๐ ระยะ (๑๐
สถานี
) คิ
ดระยะละ ๑ เฟื้
อง จากสถานี
หั
วลำโพง รถจะหยุ
ดรั
บส่
งผู้
โดยสารที่
ศาลาแดง บ้
านกล้
วย พระโขนง
บางนา สำโรง ศี
รษะจระเข้
(หั
วตะเข้
) บ้
านนางเกรง มหาวงษ์
แล้
วก็
ไปสิ้
นสุ
ดปลายทางเป็
นโรงสั
งกะสี
ขนาด
ใหญ่
ที่
ปากน้
หั
วรถจั
กรพลั
งไอน้
ำ นำเข้
าจากประเทศเยอรมั
จากข้
อมู
ลเบื้
องต้
นนั้
น รถไฟสายปากน้
ำ มี
หั
วจั
กรไอน้
ำ ไว้
ใช้
งานทั้
งหมด ๔ หั
วจั
กร ทั้
งหมดสร้
างโดยบริ
ษั
กร๊
อส แอน คอมประนี
จากเมื
องมิ
วนิ
ค ประเทศเยอรมั
น หั
วจั
กรที่
หนึ่
ง และสอง เป็
นรุ่
น 0-4-0Ts (ผลิ
ตในปี
พ.ศ. ๒๔๓๕) หั
วจั
กรที่
สามเป็
นรุ่
น 2-4-0T (ผลิ
ตในปี
พ.ศ. ๒๔๓๙) และหั
วจั
กรที่
สี่
เป็
นรุ่
น 2-4-0T (ผลิ
ตใน
ปี
พ.ศ. ๒๔๕๑)
จนในที่
สุ
ด ก็
ได้
รั
บข้
อมู
ลสำคั
ญจาก มิ
สเตอร์
ริ
ชาร์
ต บาร์
โรว ฝรั่
งที่
อาศั
ยอยู่
ในเมื่
อไทย จนทำให้
ผมได้
ถ่
าย
ภาพหั
วจั
กรโบราณรู
ปนี้
หั
วจั
กรที่
ผมค้
นพบนี้
เป็
นหั
วจั
กรเครื่
องที่
๔ มี
ชื่
อทางการว่
า “สำโรง” (แค่
ชื่
อ ก็
ทำให้
เราทราบที่
มาแล้
วนะครั
บ) ที่
น่
าตื่
นเต้
นก็
คื
อ หั
วจั
กรนี้
ยั
งมี
เครื่
องยนต์
ที่
อยู่
ในสภาพที่
สมบู
รณ์
ทาสี
ใหม่
จน
สวย และคิ
ดว่
าน่
าจะยั
งสามารถใช้
งานได้
ชี
วิ
ตการใช้
งานในช่
วงร้
อยปี
การก่
อสร้
างทางรถไฟสายปากน้
ำ ในช่
วงแรกนั้
นเกิ
ดปั
ญหาทั้
งทางการเงิ
น และการเวนคื
นที่
ดิ
น ทำให้
การ
ดำเนิ
นงานเป็
นไปอย่
างล่
าช้
า จนกระทั่
งเมื่
อเกิ
ดเหตุ
วิ
กฤติ
ระหว่
างไทยกั
บฝรั่
งเศส (ร.ศ. ๑๑๒) รุ
นแรงขึ้
รั
ชกาลที่
๕ จึ
งต้
องทรงเร่
งรั
ด และทรงช่
วยแก้
ไขปั
ญหาต่
างๆ ด้
วยพระองค์
เอง ด้
วยทรงมี
พระราชวิ
นิ
จฉั
ยว่
จะต้
องตระเตรี
ยมรถไฟไว้
สำหรั
บการขนส่
งกำลั
งพล และยุ
ทธปั
จจั
ย ไปตั้
งมั่
นที่
ปากน้
ำเจ้
าพระยา
และแล้
วเหตุ
การณ์
ก็
เป็
นไปดั
งที่
พระองค์
ท่
าน ทรงคาดการณ์
ไว้
หลั
งจากที่
มี
การเปิ
ดบริ
การรถไฟ
สายปากน้
ำได้
๓ เดื
อน ฝรั่
งเศสก็
ส่
งเรื
อรบบุ
กเข้
ามา จนเกิ
ดการสู้
รบกั
นที่
ปากน้
ำเจ้
าพระยา (๑๓ ก.ค.
๒๔๓๖) การรบที่
ปากน้
ำเป็
นไปอย่
างดุ
เดื
อด จนเมื่
อเรื
อรบฝรั่
งเศสเลยเข้
ามาถึ
งหน้
าเมื
องสมุ
ทรปราการ ก็
เกิ
ดการยิ
งต่
อสู่
กั
น ระหว่
างป้
อมผี
สื้
อสมุ
ทรซึ่
งอยู่
ตรงข้
ามสถานี
ปากน้
ำ กั
บเรื
อรบฝรั่
งเศส ปรากฏว่
าหั
วจั
กร
รถไฟขบวนสุ
ดท้
ายในคื
นนั้
น ถู
กลู
กหลง จากปื
นไม่
ทราบว่
าของฝ่
ายไทยหรื
อฝ่
ายฝรั่
งเศส มี
ผู้
โดยสาร
เสี
ยชี
วิ
ตหนึ่
งราย บาดเจ็
บหนึ่
งราย และมี
แม่
เฒ่
าหั
วใจวาย เสี
ยชี
วิ
ตไปอี
กหนึ่
งราย
บริ
ษั
ทรถไฟปากน้
ำ ได้
รั
บสั
มปทานรถไฟสายปากน้
ำ เป็
นเวลา ๕๐ ปี
โดยสิ้
นสุ
ดการดำเนิ
นการในปี
๒๔๗๙ ช่
วงระยะเวลา ๕๐ ปี
มี
รายงานการล้
ม (ตกราง) เท่
าที่
มี
หลั
กฐานจากหนั
งสื
อจดหมายเหตุ
อย่
างต่
ำ ๓
ครั้
จากหนั
งสื
“The Railways of Thailand”
เขี
ยนโดย R. Ramer จั
ดพิ
มพ์
โดยสำนั
กพิ
มพ์
White Lotus ผู้
เขี
ยน (R. Ramer) เคยเข้
ามาทำงานในเมื
องไทยในช่
วงปี
๒๕๐๐ ให้
ข้
อมู
ลเรื่
องหั
วจั
กรรถไฟสายปากน้
ำ ไว้
ว่
า หั
วจั
กรรถไฟปากน้
ำนั้
น มี
ทั้
งหมด ๔ เครื่
อง แต่
ทราบเพี
ยงว่
าหั
วจั
กรเครื่
องที่
๓ ชื่
อ บางจาก ส่
วนหั
วจั
กร
เครื่
องที่
๔ ชื่
อ สำโรง
ที่
สามารถติ
ดตามได้
ก็
เห็
นจะเป็
นเจ้
า “สำโรง” ครั
บ เพราะจากข้
อมู
ลคุ
ณ Ramer มี
อยู่
ว่
หลั
งจากการหมดสั
ญญา บริ
ษั
ทรถไฟปากน้
ำได้
ขายหั
วจั
กรไอน้
ำ “สำโรง” ให้
กั
บ บริ
ษั
ทฮิ
ปเส็
ง (Heip
Seng) ซึ่
งเป็
นเจ้
าของโรงเลื่
อย ไว้
ขนส่
งไม้
จากภาคเหนื
อ หั
วจั
กร “สำโรง” ถู
กใช่
งานอย่
างหนั
ก จากที่
เคย
ขนส่
งผู้
โดยสารวั
นละ ๖ เที่
ยว ต้
องมาขนส่
งท่
อนซุ
ง และไม้
ต่
างๆ จากภาคเหนื
อตลอดทั้
งวั
นทั้
งคื
น จนหมด
ป่
า จนกิ
จการลากซุ
ง และขนซุ
งถู
กยกเลิ
กไป สำโรงจึ
งถู
กโละขายต่
อไปให้
กั
บโรงงานน้
ำตาล ที่
จั
งหวั
อุ
ตรดิ
ตถ์
สำโรงถู
กใช้
งานอย่
างหนั
กอี
กครั้
ง คราวนี้
สำโรงถู
กโรงงานน้
ำตาล ใช้
นำไปลากอ้
อย ซึ่
งแต่
ละโบกี้
มี
อ้
อยเรี
ยงกั
นสู
ง และหนั
ก กว่
าพวกรถสิ
บล้
อขนอ้
อย ในปั
จจุ
บั
นอี
กครั
สำโรง ถู
กนำไปทำงานในโรงงานน้
ำตาลอยู่
เกื
อบ ๓๐ ปี
จนได้
รั
บการปลดระวาง
(กิ
จการรถไฟสายปากน้
ำ เมื่
อถู
กขายให้
ทางราชการเป็
นรถไฟฟ้
า ก็
เริ่
มดำเนิ
นการขาดทุ
น จนต้
องเลิ
กิ
จการไปเมื่
อวั
นที่
๑ มกราคม ๒๕๐๓)
ข้
อมู
ลจาก http://www.mypaknam.com
หั
วจั
กร
รถไฟสา
ยปากน้
ำ...